แสงสีฟ้า อันตรายจริงหรือ?
หากไม่อยากสูญเสียความสามารถในการมองเห็นก่อนวัยอันควร ก็อยากจะนำเรียนทุกท่านให้เห็นความอันตรายของเเสงสีฟ้า หากไม่เชื่อโปรดเข้ามาอ่านในนี้
สวัสดีเพื่อนๆชาว Pepper ทุกคน กลับมาพบกันเป็นประจำทุกวันเช่นเคยกับเรื่องราวสาระดีๆ สำหรับวันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาเติมความรู้เรื่องสุขภาพกันหน่อย เพื่อนๆทราบมั้ยครับว่าในชีวิตประจำวันของเราในแต่ละวันนั้นดวงตาของเราได้รับความเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพเพิ่มมากขึ้นโดยที่หลายคนไม่เคยได้รู้ตัวมาก่อน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตาของคนที่ทำงานปกติทั่วไปที่ต้องทำงานอยู่กับอุปกรณ์ไอทีไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนทั้งวันนั้นทำให้ดวงตาของคุณมีโอกาสได้รับแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น
![]() |
| แสงสีฟ้า อันตรายจริงหรือ |
ซึ่งแสงสีฟ้านี่แหละครับคือตัวการที่ทำให้จอประสาทตาเราเสื่อม แม้หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแต่ก็ไม่เคยได้ใส่ใจ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหลายคนเข้าใจว่าเป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อหาเรื่องขายของ เช่นอุปกรณ์หรือแว่นกรองแสงสีฟ้า แล้วก็เข้าใจว่าแสงสีไหนๆก็เหมือนกันนั่นแหละ ทำไมถึงต้องจำเพาะว่าสีฟ้าด้วยที่เป็นอันตราย ยิ่งคนที่รักสีฟ้านี่ไปคุยเรื่องนี้กับเขาไม่ได้เลยนะ เดี๋ยวเขาจะเคืองเอา ซึ่งจริงๆแล้วมันมีหลักการทางวิทยาศาสตร์และผลการศึกษาวิจัยรองรับมากมายว่าแสงสีฟ้านั้นอันตรายจริงๆครับ
โดยเฉพาะกับดวงตาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายเราด้วย ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเราก็อยากให้เพื่อนลองเปิดใจอ่านข้อมูลในนี้ดูครับ
ทำไมเเสงสีฟ้าถึงอันตราย ?
หากคุณยังจำได้แค่ลองไปพลิกตำราวิชาฟิสิกส์สมัยเรียน ม. ปลายเรื่องแสงดู เอาแค่เรื่องสเปกตรัมคุณก็จะทราบแล้วว่าแสงแต่ละสีนั้นมีคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน โดยแสงสีฟ้านั้นเป็นแสงที่มีช่วงความถี่สั้นจึงเป็นแสงที่มีพลังงานสูง และด้วยความที่มันมีพลังงานสูงที่แหละครับทำให้มันสามารถทำลายประสาทของดวงตาเราได้
ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลทางด้านฟิสิกส์เท่านั้น ทีนี้เราลองมาดูในทางการแพทย์กันบ้างนะครับ ซึ่งผมของหยิบยกผลจากงานวิจัยที่ทำโดยทีมวิจัยจาก ม. โทเลโด ในสหรัฐอเมริกาที่พวกเขาเคยตีพิมพ์ไว้ในวารสาร Science Report ซึ่งพวกเขาได้พบว่าดวงตาที่จ้องมองแสงสีฟ้าเป็นเวลานานติดต่อกันแสงสีฟ้าจะเข้าไปทำปฏิกิริยาภายในดวงตาทำจนก่อให้เกิดสารพิษในเซลล์รับแสงซึ่งเป็นสาเหตุของโรคจอประสาทตาเสื่อม
วิธีการทำลายดวงตาของเเสงสีฟ้า
โดยทีมวิจัยยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าแสงสีฟ้าเป็นคลื่นสั้นที่ดวงตาของคนเราได้รับแล้วไม่สามารถสะท้อนหรือป้องกันออกไปได้มันจึงเข้าไปจัดการทำปฏิกิริยากับ “เรตินอล” (Retinal) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยในการมองเห็นของจอตาจนเกิดเป็นโมเลกุลพิษไปทำลายเยื่อหุ้มเซลล์รับแสงให้ตายลงในที่สุด จนเป็นเห็นให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบนี้มีโอกาสสูญเสียการมองเห็นแบบ 100% เพราะจอตาไม่สามารถส่งสัญญาณสื่อประสาทไปยังสมองได้ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ เลยนะครับ
เเสงสีฟ้าอันตรายอย่างเเท้จริงต่อเซลล์ที่มีเรตินอล
และเพื่อเป็นการขยายผลการศึกษาวิจัยเพื่อดูว่าแสงสีฟ้านี้ร้ายกาจแค่ไหน ทีมวิจัยยังได้ทำการทดลองยิงลำแสงสีฟ้าไปยังเซลล์ชนิดอื่นๆนอกจากเซลล์ตาที่มีสารเรตินอลบรรจุอยู่ภายในเซลล์ เช่น เซลล์ประสาท เซลล์หัวใจ หรือเซลล์มะเร็ง ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาดเลยครับ แสงสีฟ้าสามารถก่อเกิดปฏิกิริยาสร้างโมเลกุลพิษจนเป็นเหตุให้เซลล์เหล่านั้นตายลงได้ทั้งหมด
เมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านมาถึงตรงนี้คงทราบแล้วนะครับว่าแสงสีฟ้านั้นมีอันตรายจริงๆ ไม่ใช่เป็นเพียงการปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาให้คนกลัวแล้วนำเสนอขายสินค้าอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ และเราก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากสูญเสียความสามารถในการมองเห็นหรือแม้กระทั่ง “ตาบอด” ทุกคนจึงควรใส่ใจในเรื่องนี้
เพราะปัจจุบันโรคจอประสาทตาเสื่อมยังไม่มีหนทางรักษานะครับ เป็นแล้วเป็นเลย บอดแล้วบอดเลยนะ โดยโรคจอประสาทตาเสื่อมนี้เป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้ผู้สูงวัยที่มีอายุในช่วง 50-70 สูญเสียการมองเห็น บางคนแม้จะไม่ได้บอดสนิทแต่ก็เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตไม่น้อย
ดังนั้นเรารีบมาใส่ใจเรื่องนี้กันตั้งแต่วันนี้ หาซื้ออุปกรณ์ที่จัดการกับแสงสีฟ้า และต้องไม่เล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในที่มืดกันจะดีกว่า ที่สำคัญคนที่งานอยู่หน้าจอคอมพ์ฯหนักๆในแต่ละวันควรพักสายตาบ้างนะครับ ดวงตาของคุณจะได้อยู่กับคุณไปนานๆ
สนับสนุนเนื้อหา

No comments:
Post a Comment